เครนโครงเหล็กเป็นเครื่องจักรสำหรับงานหนักที่มักใช้ในท่าเรือ อู่ต่อเรือ และโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อยกและเคลื่อนย้ายของหนัก เนื่องจากเครนโครงเหล็กมักสัมผัสกับสภาพอากาศที่เลวร้าย น้ำทะเล และองค์ประกอบที่กัดกร่อนอื่นๆ ตลอดเวลา จึงเสี่ยงต่อความเสียหายจากการกัดกร่อนสูง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันการกัดกร่อนที่เหมาะสมเพื่อปกป้องเครนโครงเหล็กจากความเสียหายก่อนเวลาอันควร เพิ่มอายุการใช้งาน และให้ความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด มาตรการป้องกันการกัดกร่อนบางประการสำหรับเครนโครงเหล็กเครนรางน้ำมีดังนี้.
1. การเคลือบ: การป้องกันการกัดกร่อนที่ได้ผลที่สุดวิธีหนึ่งสำหรับเครนโครงเหล็กคือการเคลือบ การใช้สารเคลือบป้องกันการกัดกร่อน เช่น อีพอกซี โพลียูรีเทน หรือสังกะสี สามารถป้องกันไม่ให้น้ำและออกซิเจนเข้าถึงพื้นผิวเหล็กและเกิดสนิมได้ นอกจากนี้ สารเคลือบยังสามารถทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการสึกกร่อน การกัดกร่อนจากสารเคมี และรังสีอัลตราไวโอเลต จึงช่วยเพิ่มความทนทานและความสวยงามของเครนได้
2. การบำรุงรักษา: การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครนโครงเครนเป็นประจำสามารถป้องกันการกัดกร่อนได้โดยการตรวจจับและซ่อมแซมความเสียหายหรือข้อบกพร่องใดๆ ทันที ซึ่งรวมถึงการทำความสะอาดพื้นผิวของเครน การหล่อลื่นข้อต่อ การเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ และการตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบายน้ำฝนและของเหลวอื่นๆ ได้อย่างถูกต้อง
3. การชุบสังกะสี: การชุบสังกะสีเป็นกระบวนการเคลือบเหล็กด้วยสังกะสีเพื่อป้องกันการกัดกร่อน ซึ่งสามารถทำได้โดยการชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อนหรือการชุบด้วยไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของเครน เหล็กชุบสังกะสีมีความทนทานต่อสนิมสูงและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเหล็กที่ไม่ได้เคลือบ
4. การระบายน้ำ: การระบายน้ำฝนอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการกัดกร่อนของเครนเหนือพื้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มักมีฝนตกหนักหรือน้ำท่วม การติดตั้งรางน้ำ ท่อระบายน้ำ และช่องระบายน้ำสามารถระบายน้ำออกจากพื้นผิวของเครนและป้องกันไม่ให้น้ำนิ่งสะสม
โดยสรุป มาตรการป้องกันการกัดกร่อนสำหรับเครนโครงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจถึงอายุการใช้งาน ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการผลิต การใช้การเคลือบ การบำรุงรักษา การชุบสังกะสี และการระบายน้ำร่วมกันสามารถปกป้องพื้นผิวเหล็กของเครนจากการกัดกร่อนและเพิ่มประสิทธิภาพและอายุการใช้งานได้